สาว 16 ตกนรกทั้งเป็น นายจ้างข่มขืนมาราธอน 7 เดือน เสนอเงินแสนให้ยอมความ ลั่นให้เป็นล้านก็ไม่ยอม
เวลา 13.00 น. นางสาวเกศินี (สงวนนามสกุล) ได้เดินทางเข้าพบ พันตำรวจเอกรัฐศรัณย์ เกศสิงห์สร้อย ผกก. สภ. พบพระ และพนักงานสอบสวน สภ แม่สอด หลังวานนี้ วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 นายโกตายี แกนนำกลุ่มสิทธิแรงงานเมียนมา และ กลุ่มกฏหมายสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิแรงงานชาวเมียนมาขอเข้าพบ กับพนักงานสอบสวนและหัวหน้าสถานีตำรวจ สภ.พบพระ เพื่อติดตามเข้าสอบถามความคืบหน้ากรณี หญิงสาวเยาวชนแรงงานเมียนมา ที่ใช้ชื่อ นางสาวเกศินี อายุ 16 ปี ถูกกระทำชำเรา
ตามใบแจ้งความลงบันทึกแจ้งเลขที่ 0002 / 2566 แจ้งความกับ สภ.พบพระ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 16.04 น. นางสาวเกศินี กล่าวหาว่านายยุทธนา เจ้าของร้านถุงแถบกาว ถุงแพ็คเสื้อในหมู่บ้านโซโอ หมู่ที่ 7 ถนนสายพบพระ-โซโอ ต.ช่องแคบ อ.พบพระ กระทำชำเรา ข่มขืน ข่มขู่ กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายจิตใจ
โดยนางสาวเกศินี เล่าว่าเหตุเกิดเมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ปีที่ผ่านมา นายยุทธนา ได้กระทำการข่มขืน นางสาวเกศินี ในบริเวณร้านดังกล่าว หลังก่อเหตุได้พยายามกัก หน่วงเหนี่ยวเอาไว้ตลอดเวลา เมื่อนางสาวเกศินี จะหนีออกมา ก็จะถูกนายยุทธนาข่มขู่ทำร้าย และหากเอาเรื่องไปแจ้งความก็จะฆ่าให้ตาย ทำให้นางสาวเกศินีเหยื่อนายจ้างหื่น เกิดความกลัวจนเวลาล่วงเลยมามากถึง 7 เดือน โดยตลอดเวลา นายยุทธนา ผู้ถูกกล่าวหาเป็นนายจ้างรายนี้ก็ยังคงกระทำกับเธอ โดยมีคนภายในของนายจ้างรายนี้รับทราบดี สุดท้ายอดทนไม่ไหวหนีออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือต่อองค์กรและนำเรื่องเข้าแจ้งความ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับนายจ้างรายนี้
นางสาวเกศินี เล่าอีกว่าในช่วงที่ผ่านมามีการเสนอเงินให้กับตน ครั้งแรกจำนวนเงิน 8 หมื่นบาท ครั้งที่ 2 จำนวน 1 แสนบาทและพยายามส่งคนในเครื่องแบบมากล่อมญาติของตนและตนเองให้ยอมความ แต่ตนเองไม่ยินยอม ถึงแม้นให้เงิน 1 ล้านบาท ตนก็ไม่เอา จะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุดกับนายจ้าง
พันตำรวจเอกรัฐศรัณย์ เกศสิงห์สร้อย ผกก.สภ.พบพระ ได้นำนางสาวเกศินี พร้อมญาติ ให้พนักงานสอบสวน สภ.พบพระ ประสานงานด้านกฎหมายกับสำนักงานอัยการจังหวัดแม่สอด เพื่อทำการสอบสวนพร้อมด้วยนักจิตวิทยา สอบสวนหาข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นคดีเยาวชนและละเอียดอ่อน พันตำรวจเอกรัฐศรัณย์ เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้เมื่อวานได้รับการประสานงานกับผู้ที่นำตัวเด็กมาแจ้งความ มันเป็นคดีเกี่ยวกับเด็ก จึงได้จำเป็นมีต้องการประสานอัยการนักจิตวิทยาร่วมสอบข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐานรัดกุม ตามระเบียบของกฎหมาย เพื่อที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหา ซึ่งทางตำรวจยังต้องรอผลพิสูจน์จากการถูกล่วงละเมิดทางเพศซึ่งทาง สภ.พบพระ ส่งไปตรวจ ขณะนี้ผลยังไม่ส่งกลับมา ส่วนเรื่องคดีที่ทางฝ่ายผู้เสียหายแจ้งว่าคดีล่าช้านั้น คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ละเอียดอ่อนผู้เสียหายเป็นเยาวชน การสอบสวนต้องมีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเข้าร่วม เพื่อให้สำนวนการสอบสวนนั้นรอบคอบ จึงจะดำเนินคดีได้