19 พฤษภาคม 2024

เด็กๆ ก็เหมือนกับกระดาษเปล่า พวกเขาสนุกกับการซึมซับทุกสิ่งรอบตัว และอาจไม่สามารถแยกแยะระหว่างสิ่งถูกและสิ่งผิดได้ดีพอ หากผู้ปกครองไม่ให้คำแนะนำ บางครั้งเด็กอาจมองไม่เห็นความผิดจากพฤติกรรมที่ไม่ดีของตัวเอง

มีเรื่องราวการเลี้ยงลูกของคุณพ่อคนหนึ่งที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก เมื่อเขาตัดสินใจลงโทษลูกชายวัย 10 ขวบอย่างรุนแรง และไม่มีการอ่อนข้อหรือใจอ่อนแม้แต่น้อย หลังจากทราบว่าลูกชายมีพฤติกรรมชอบชูนิ้วกลางใส่หน้าคนอื่นบ่อยครั้ง อีกทั้งยังวาดภาพ “รูปร่างน่าเกลียด” ใส่กระดาษส่งครูอีกด้วย

พูดกันตามตรง หากไม่มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอย่างเปิดเผย พวกเราชาวเอเชียคงไม่รู้ว่าการยกนิ้วกลางมีความหมายแฝงที่แย่มาก เทียบเท่ากับประโยคคำพูดที่หยาบคาบ จึงคาดเดาว่าบางทีเด็กชายอายุ 10 ขวบคนนี้อาจเห็นการกระทำนี้มาจาดที่ไหนสักแห่ง และคิดว่ามัน “เจ๋งมาก” ดังนั้นจึงสร้างนิสัยในการทำท่าทางนี้ทุกที่ทุกเวลา และบางทีผู้ใหญ่อาจไม่สนใจมากนัก

จนกระทั่งวันหนึ่ง ครูประจำชั้นเรียกครอบครัวของเด็กชายรายดังกล่าว ไปพูดคุยเกี่ยวเรื่องการเรียนของลูกชาย โดยพบว่ามีการวาดรูปภาพ “สัญลักษณ์” ที่เขาชื่นชอบทำเป็นประจำ บางที่เด็กอาจไม่เข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้ง หรือบางทีอาจเพราะหาคำตอบในวิชาเรียนไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากปล่อยหน้ากระดาษไว้ว่างๆ จึงวาดภาพนั้นลงไป และยังวาด ถุงคุกกี้ซีลกลาง / ซองคุกกี้ซีล ลงไปอีกด้วย

แน่นอนว่าครูก็ตกใจและสับสนกับผลงานของนักเรียนเช่นกัน เธอจึงแจ้งเรื่องดังกล่าวต่อผู้ปกครอง ซึ่งเมื่อพ่อของเด็กชายได้รับคำเตือนนั้นมาแล้ว จึงกลับไปถามลูกชายว่าสัญลักษณ์นั้นเขาทำอย่างไร ซึ่งลูกก็ทำอย่างไร้เดียงสาให้พ่อดู ทางด้านพ่อเองก็ไม่ได้บอกว่าเป็นสิ่งที่ผิดหรือไม่ดี แค่บอกว่า “ถ้าลูกชอบก็ทำไป อย่าวางมือลง”

หลังจากผ่านไป 15-20 นาที แน่นอนว่าแขนของเด็กชายก็เริ่มเมื่อยล้า แต่พ่อของเขายังคงเมินเฉย กระทั่งชั่วโมงต่อมา เด็กชายร้องไห้และยอมรับความผิดพลาดของตนเอง เวลานั้นพ่อจึงพูดอย่างมีความหมายว่า “ลูกไม่ได้ทำข้อสอบด้วยซ้ำ แต่ยังมีวาดท่าทางนี้ลงไป วันนี้พ่อจะให้ทำมันตามที่ลูกต้องการ”

เมื่อได้ฟังคำสอนของพ่อจบ เด็กชายก็น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เขายอมรับความผิดพลาด และบอกว่าไม่ชอบท่าทางนี้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งทำให้ผู้เป็นพ่อเชื่อว่าวิธีนี้ค่อนข้างได้ผล และคาดการณ์ว่าลูกชายของเขาจะไม่กล้าทำท่าทางเช่นนี้อีกในอนาคต

วิธีการเลี้ยงลูกแบบนี้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดจากทุกสาขาอาชีพ ชาวเน็ตบางส่วนออกมาสนับสนุนและเชื่อว่าการลงโทษดังกล่าวมีความเหมาะสม เด็กจำเป็นต้องได้รับการสอนให้เคารพผู้อื่น และวิธีนี้จะทำให้เด็กตระหนักอย่างลึกซึ้งถึงข้อผิดพลาดของตน เพื่อที่จะได้ไม่ทำผิดซ้ำอีก

“วิธีการลงโทษดีมาก ฉันเคยได้ยินเด็กพูดคำที่ฉันอายเกินกว่าจะพิมพ์ออกมาได้ อนาจารจริงๆ”

“จำได้ว่าครั้งหนึ่งขณะเดินบนถนน มีเด็กนั่งรถเมล์ชูนิ้วกลางขึ้นจากหน้าต่าง ฉันใช้จักรยานไล่ตามไปสองถนน เขากลัวจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ”

Advertisement

“สอนลูกๆ ของคุณตั้งแต่วัยเด็ก หากคำพูดและการกระทำของเด็กไม่เหมาะสม ควรเข้าไปแทรกแซงทันที ฉันคิดว่าเขาไม่เข้าใจความหมายของนิ้วกลางจริงๆ”

แต่ก็มีบางคนที่มีความเห็นแตกต่างออกไปเช่นกัน พวกเขาเชื่อว่าการลงโทษรูปแบบนี้รุนแรงเกินไป และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กได้ ดังนั้นควรใช้แนวทางที่อ่อนโยนในการให้ความรู้แก่เด็ก เพื่อที่เด็กๆ จะตระหนักถึงข้อผิดพลาดของตนเอง และแก้ไขอย่างกระตือรือร้น

ทั้งนี้ หากพ่อเพียงแต่ลงโทษลูก โดยไม่วิเคราะห์หรือแสดงให้ลูกเห็นความหมายของท่าทางนั้น พวกเขากังวลว่าการลงโทษที่มากเกินไปอาจทำให้เด็กรู้สึกหวาดกลัว วิตกกังวล หรือดื้อรั้นมากกว่าเดิม ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อการเติบโตและพัฒนาการของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเด็กอีกด้วย

Related News