จากกรณี พบศพ น.ส.ฐิติรัตน์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่สำนักปลัด กทม. ภายในรถเก๋ง บริเวณถนนสาย 44 ช่วงสะพานห้วยรัด ม.5.ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 20 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา หลังมีผู้แจ้งพบรถคันดังกล่าวจอดอยู่ 2 วัน สภาพผู้เสียนั่งอยุ่ด้านหน้าข้างคนขับ มีบาดแผลถูกทำร้ายร่างกาย และถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดตามร่างกายจำนวน 4 แผล เจ้าหน้าที่ได้นำส่งเพื่อชันสูตรต่อที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
ข้าราชการสาว สำนักปลัด กทม. ถูกพบเป็นศพบนรถเก๋ง สภาพตาปูดบวม-รอยถูกยิง 4 แผล
ก่อนที่จะสืบพบว่าผู้เสียชีวิตกำลังคบหากับชายรายหนึ่งในอำเภอหัวไทร จ.นครศรีธรรมราข ผู้ตายเคยพาแฟนหนุ่มไปที่บ้านในจังหวัดชัยภูมิ และเคยไปที่บ้านแฟนหนุ่มที่นครศรีธรรมราช 1 ครั้ง ก่อนพบเป็นศพในครั้งนี้
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. (22 ธ.ค.63) ที่กองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.กก.สส.ภ.จว.สุราฏร์ธานี พ.ต.ท.ธนัญชัย นวลนิรันดร์ รอง ผกก.กก.สส.ภ.8 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำตัวนายโอชา สวนจันทร์ อายุ 39 ปีพนักงานโรงงานผลิต ถุงกระดาษคราฟท์ ถุงกระดาษหูหิ้ว อยู่บ้านเลขที่ 17/2 หมู่ที่ 3 ต.บ้านราม อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ตามหามายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต มาสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนนำตัวไปลงบันทึกรับตัวที่ สภ.พุนพิน
ก่อนนำตัวไปหาอาวุธปืนที่คนร้ายให้การว่าทิ้งไว้ที่ แยกวังมะนาว ราชบุรี หลังจากก่อเหตุยิงผู้เสียชีวิต ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนทิ้งปืนไว้ พร้อมอำพรางศพและบรรทุกมาทิ้งในจุดที่พบศพจังหวัดสุราษฎร์ธานี
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายโอชา ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง และเพิ่งคบหากับฝ่ายหญิงมาได้ระยะหนึ่งโดยตนเองได้โกหกผู้ตายว่าเป็นคนมีฐานะ และมีสวนอยู่ที่จัดหวัดนครศรีธรรมราช โดยเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาตนเองและผู้ตาย ได้ไปหาพ่อแม่ฝ่ายหญิงที่จังหวัดชัยภูมิ และมีแผนที่จะแต่งงานกัน หลังจากนั้นได้พาผู้ตายไปบ้านที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อฝ่ายหญิงทราบว่าไม่ได้เป็นเหมือนที่พูดเลยรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก และได้โทรกลับไปบอกที่บ้านว่าเหมือนโดนถูกหลอก ถ้าตนเองโทรไปไม่ต้องรับสาย
ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาจาก กทม. เพื่อที่จะมุ่งหน้ากลับบ้านที่อำเภอหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ระหว่างทางในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้เกิดมีปากเสียงกับผู้ตายเกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองไปหลอกฝ่ายหญิงว่าเป็นคนรวย จึงได้ใช้อาวุธปืนขนาด .38 มม. ยิงใส่ผู้ตายหลายนัดจนเสียชีวิต และได้นำเสื้อแจ็คเก็ตมาคลุมตัวไว้ และใส่มาสก์ปิดหน้า ทำเหมือนคนนอนหลับ
หลังจากก่อเหตุได้นำอาวุธปืนไปทิ้งในพื้นที่แยกวังมะนาว จากนั้นได้ขับรถพาศพนั่งมาในรถนานกว่า 6 ชั่วโมง จนมาพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้โทรไปบอกกับน้องชายว่าได้ทำปืนลั่นใส่แฟนจนตาย และได้นำรถมาจอดที่จุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะให้น้องชายขับรถมารับเพื่อหลบหนีไปอำเภอหัวไทร จนทางญาติพี่น้องขอติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำตัวเข้ามอบตัวเนื่องจากทนแรงกดดันของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ไหว ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียด ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาไปหาอาวุธปืนของกลาง ในจุดที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างต่อไป